
อ.พงค์ศักดิ์ (Admin)
1 ก.ย. 2566
การ เทียบเวลาในระบบ CCTV มีความสำคัญมากเพราะถ้าเวลาไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจทำให้ข้อมูลวิดีโอไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงหรือไม่สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการสืบสวนได้อย่างถูกต้อง หรือจะมีผลกระทบต่อการควบคุมและการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ต้องการเกี่ยวกับ CCTV.
การเทียบเวลาในระบบวงจรปิด (CCTV) เป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อติดตามเหตุการณ์และบันทึกวิดีโอในเวลาที่เป็นประโยชน์สำหรับการสืบสวนหรือการควบคุม โดยทั่วไปการเทียบเวลาในระบบ CCTV มีหลายวิธีที่สามารถทำได้:
การเรียงเวลากับเฟรมเรต: วิธีที่มักนิยมคือการเรียงเวลาในการบันทึกวิดีโอของกล้อง CCTV ให้ตรงกับเฟรมเรตของระบบ ซึ่งหมายความว่าเฟรมเรตของวิดีโอ (วัตถุดิบ) จะตรงกับเวลาจริง โดยทั่วไปแล้วเฟรมเรตที่มักใช้คือ 30 เฟรมต่อวินาที (FPS) หรือ 25 FPS ในบางประเทศ.
การใช้เซิร์ฟเวอร์เวลา (Time Server): บางระบบ CCTV สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เวลาที่มีการปรับเวลาอัตโนมัติ โดยที่เซิร์ฟเวอร์นี้จะปรับเวลาตามเวลามาตรฐานอย่างเป็นประจำ จากนั้นกล้อง CCTV จะเรียนรู้เวลาจากเซิร์ฟเวอร์นี้.
การตั้งเวลาด้วยมือ: ในบางกรณี คุณสามารถตั้งเวลาในกล้อง CCTV ด้วยมือโดยใช้เครื่องตั้งเวลาหรือแป้นพิมพ์ที่ปรากฎบนหน้าจอควบคุมของกล้อง.
การเทียบเวลาในระบบ CCTV มีความสำคัญมากเพราะถ้าเวลาไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจทำให้ข้อมูลวิดีโอไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงหรือไม่สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการสืบสวนได้อย่างถูกต้อง หรือจะมีผลกระทบต่อการควบคุมและการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ต้องการเกี่ยวกับ CCTV. การตั้งเวลาอย่างถูกต้องและการควบคุมเวลาในระบบ CCTV จึงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานระบบนี้อย่างมีประสิทธิภาพ.